ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจพื้นฐานคำว่า “เก็บเงิน” ก่อน
ซึ่งตอบง่ายๆ ได้เลยว่า เงินเก็บ = เงินที่หามาได้ – เงินที่ใช้ไป
จะยกตัวอย่างคร่าวๆ ให้พอมองเห็นภาพคือ คุณทำงานในออฟฟิต มีเงินเดือนระดับ 20,000 บาทถ้วน และคนอื่นๆ ก็ได้รับรายได้เท่ากัน แต่ละคนจะรวยไม่เท่ากัน
ดังนั้นการออมเงินจะมีความละเอียดต่างกัน คือจะมีเงินที่รั่วไหล เช่น ดอกเบี้ย, ค่าโง่ต่างๆ, ส่วนรายได้ก็สามารถมีได้หลายทาง ทั้งงานพิเศษต่างๆ ขึ้นกับความขยัน
และที่สำคัญที่สุดคือส่วนของเงินออมที่นำไปลงทุน ซึ่งแต่ละคนจะมีการเก็บเงิน ออมเงินต่างกันตามที่กล่าวมา ถ้าคิดเป็นถังเก็บเงินจากการออมของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป
ซึ่งตอบง่ายๆ ได้เลยว่า เงินเก็บ = เงินที่หามาได้ – เงินที่ใช้ไป
จะยกตัวอย่างคร่าวๆ ให้พอมองเห็นภาพคือ คุณทำงานในออฟฟิต มีเงินเดือนระดับ 20,000 บาทถ้วน และคนอื่นๆ ก็ได้รับรายได้เท่ากัน แต่ละคนจะรวยไม่เท่ากัน
ดังนั้นการออมเงินจะมีความละเอียดต่างกัน คือจะมีเงินที่รั่วไหล เช่น ดอกเบี้ย, ค่าโง่ต่างๆ, ส่วนรายได้ก็สามารถมีได้หลายทาง ทั้งงานพิเศษต่างๆ ขึ้นกับความขยัน
และที่สำคัญที่สุดคือส่วนของเงินออมที่นำไปลงทุน ซึ่งแต่ละคนจะมีการเก็บเงิน ออมเงินต่างกันตามที่กล่าวมา ถ้าคิดเป็นถังเก็บเงินจากการออมของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป
ถังเงินออมคนจน
- คนจนจะมีรายรับทางเดียวหรือสองทาง
- คนจนจะมีเงินรั่วไหลเยอะ บางคนมากกว่ารายจ่ายประจำเสียอีกเพราะมีหนี้สินเยอะ
- คนจนไม่มีการนำเงินออมไปลงทุน ส่วนใหญ่นิยมฝากธนาคารได้ดอกเบี้ยต่ำ
ผลลัพธ์ รายได้มีทางเดียว ไม่มีการลงทุน รายจ่ายไม่เยอะ แต่มีเงินรั่ว ดังนั้นถึงเงินเก็บแบบนี้เก็บเงินอย่างไรก็รั่วออกไปหมด ไม่มีทางเต็ม
ถังเงินออมคนรวย
- คนรวยมีรายได้หลายทาง เพราะมักนำเงินที่ได้ไปลงทุนทำธุรกิจด้านอื่นๆ อีก
- รายจ่ายหลัก คือ การกิน เที่ยว ก็มากขึ้นบ้าง แต่ไม่มากนัก ที่สำคัญคือมีเงินรั่วไหลไปบ้าง แต่น้อย
- คนรวยมีการนำเงินออมไปลงทุน สร้างรายได้กลับคืนมา ยิ่งออมมาก ยิ่งมีรายได้มาก แทบทวีคูณจึงรวยขึ้นมา
ถังเก็บเงินแบบนี้ มีเงินเข้ามาก เงินรั่วไหลก็น้อย เก็บไปสักพักก็เต็ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น