วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

การตลาดที่ได้ผลดีที่สุด


 การตลาดที่ได้ผลดียอดเยี่ยมที่สุด...

ไม่ใช่การตลาดเพื่อ "ขาย" แต่เป็นการตลาดเพื่อ "ทำให้ซื้อ"

เป็นกลยุทธการตลาดที่ดึงดูดใจลูกค้าให้ชื่นชอบและคลั่งไคล้ มากกว่าจะดึงดูดแค่ความสนใจ



แบรนด์เครื่องประดับ Damiani ใช้กลยุทธนี้ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก ด้วยเครื่องประดับคอลเล็กชั่นที่ทำ

ขึ้นเฉพาะสำหรับดาราฮอลลีวู้ดอย่าง กวินเน็ธ พัลโทรว์หรือชารอน สโตน เป็นต้น


ทำให้เครื่องประดับแบรนด์นี้ เป็นเครื่องประดับที่สาวๆทั่วโลกอยากจะเป็นเจ้าของนั่นเอง

กลยุทธธุรกิจของร้านเต้าหู้


ร้านขายน้ำเต้าหู้ "คงซารังดูบู" ประเทศเกาหลีใต้ เป็นร้านค้าเล็กๆขนาดไม่ถึง 33 ตารางเมตร แต่มียอดขายสูงกว่าร้านขายเต้าหู้อื่นถึง 2 เท่า ทั้งที่ราคาเต้าหู้ของร้านนี้สูงกว่าร้านอื่นเป็นเท่าตัว

เจ้าของร้านนี้เชื่อมั่นว่าทำได้ โดยการทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูงขึ้นเป็นสองเท่าเช่นเดียวกับราคานั่นเอง


ที่มาของยอดขายที่สูงคือกลยุทธ 2 อย่างนี้คือ...

1. ผลิตและจำหน่ายในวันเดียวกัน
โดยที่เขาเชื่อว่าต้องผลิตวันต่อวันเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่ที่สุดให้แก่ลูกค้า

2. ห้ามขายส่ง
เพราะถ้าขายส่งก็จะต้องวางขายไว้นานกว่าเดิม ทำให้ไม่สามารถรักษากฎข้อแรกได้

ร่วมกับดูแลภาพลักษณ์ของแบรนด์และนำเสนอคุณค่ของสินค้าให้สูงกว่าราคา ทำให้ร้านเต้าหู้ร้านนี้สามารถเพิ่มยอดขายเป็นสองเท่านั่นเอง

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

กำหนดเป้าหมายชีวิต ที่มาจากความฝันของตัวเอง


 ลองทบทวนดูว่า...มีเรื่องไหนบ้างที่เราประสบความสำเร็จแล้วในปัจจุบัน และเรื่องนั้นเคยเป็นความฝันในอดีตของเรา

และลองนึกย้อนไปดูว่า...ความฝันในอดีตเป็นจริงได้อย่างไร เป็นจริงเพราะโชคช่วย หรือเป็นจริงเพราะเราได้ทำบางสิ่งบางอย่างในอดีต เพื่อให้ฝันเป็นจริงในวันนี้

การกำหนดเป้าหมายในชีวิตจากความฝันของตัวเอง ถือเป็นเป้าหมายชีวิตที่มีพลัง เพราะเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในตัวเอง ไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากภายนอก ความฝันมักจะฝังลึกอยู่ในจิตใจ ความฝันมักเป็นสิ่งที่คนเราปรารถนา


เป้าหมายชีวิตแบบนี้...จางหายไปจากชีวิตได้ยาก และมักจะฝังอยู่กับชีวิตของเรานานพอสมควร ความฝันของเราจะหายไปได้ก็ต่อเมื่อความฝันนั้นเป็นจริงแล้ว หรือมีความฝันใหม่มาทดแทน

มีน้อยมากที่ความฝันจะจางหายไปเองตามกาลเวลา ยกเว้นว่าความฝันนั้นจะห่างไกลจากโลกแห่งความเป็นจริง หรือความฝันนั้นเป็นเพียง "ความอยาก" ชั่วครู่ชั่วยาม ไม่ใช่ความใฝ่ฝันที่แท้จริง

กลยุทธทางธุรกิจของ Trader Joe's

Trader Joe's คือสุดยอดซูเปอร์มาร์เก็ตของอเมริกา ยอดขายต่อหนึ่งตารางฟุตของ Trader Joe's สูงเป็นอันดับหนึ่งของซูเปอร์มาร์เก็ตในอเมริกา

กลยุทธทางธุรกิจอย่างแรกคือสร้างความแตกต่างระดับ High End

ด้วยการลดจำนวนสินค้าให้น้อยกว่าบริษัทคู่แข่ง 1 ต่อ 10 โดยใช้วิธีสำรวจความต้องการของลูกค้า

ดังนั้นถ้าในซูปเปอร์มาร์เก็ตอื่นมีสินค้าวางขายอยู่ 40,000 ชนิด Trader Joe's จะมีแค่ 4,000 ชนิดเท่านั้นเอง

ซึ่งไม่เป็นภาระในการจัดเก็บ ส่วนลูกค้าเองก็ไม่จำเป็นต้องคิดมากเวลาเลือกซื้อสินค้า แต่เชื่อในการคัดสรรของ Trader Joe's

ส่งผลให้ยอดขายสูงขึ้นนั่นเอง

วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ความสำคัญของการวางแผนชีวิต


เมื่อพูดถึงเรื่อง "การวางแผนชีวิต" คนส่วนใหญ่คงจะนึกถึงเรื่องการทำงานเสียมากกว่าจะนึกถึงเรื่องการดำเนินชีวิต ทั้งๆที่ "ชีวิต" ของทุกคน สำคัญยิ่งกว่างานเสียอีก

เพราะชีวิตไม่ใช่การทำงานเพียงอย่างเดียว แต่งานต่างหากที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเท่านั้น

ถ้าเราไปถามคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ก็มักจะได้รับคำตอบเกี่ยวกับแผนชีวิตดังนี้...

* แผนชีวิตทำให้ประสบความสำเร็จ
* แผนชีวิตช่วยให้เราไม่หลงทาง
* แผนชีวิตทำได้ไม่ยาก
* แผนชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ
* แผนชีวิตคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

สร้างความแตกต่างในการทำธุรกิจ


Joseph Schumpeter ผู้เขียนหนังสือ ทฤษฎีการพัฒนาเศรษฐกิจ

บอกว่าถ้าเราอยากอยู่รอดให้ได้ในตลาดที่มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมาก

เราก็จะต้องสู้ด้วย 'กฎของตัวเอง" ไม่ใช่ "กฎของพวกเขา"


ซึ่งเมื่อคู่แข่งเหล่านั้นมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนของตัวเอง การสร้างความแตกต่างก็อาจทำได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะเราสามารถสร้างสิ่งใหม่ด้วยการทำลายกฎเกณฑ์เดิมไปทีละอย่างนั่นเอง


"ในสถานที่ที่ทุกคนเปิดร้านขายเหล้า เราจะเปิดร้านขายเหล้าด้วยไม่ได้ เราต้องเลือกเปิดร้านขายข้าว"

ยังฮย็อนซอก (ประธานบริษัท YG Entertainment)

เริ่มเก็บเงินวันละ 1 บาท สิ้นปีก็มีเงินหมื่นได้

พอถึงช่วงสิ้นปีของแต่ละปีหลายคนอาจะเริ่มตั้งปณิธานในชีวิตกับตัวเองใหม่ โดยเฉพาะเรื่องของการเก็บเงินเพื่อให้ทุกๆสิ้นปี จะได้มีเงินเก็บเอาไว้สำหรับเที่ยวหรือซื้อของตามใจชอบบ้าง อย่างไรก็ดี สำหรับบางคนนั้น ดูจะเป็นเรื่องยากหากต้องเก็บเงินอย่างจริงจัง เพราะแต่ละวันก็จะมีรายจ่ายเข้ามาไม่ให้ขาด
แต่ล่าสุด เพจ เกลอ  ได้แปลบทความจาก savingadvice ที่ชื่อว่า 365 days saving money challenge และนำมาปรับใช้ โดยเผยถึงเคล็ดลับการออมเงินรูปแบบใหม่ ที่เก็บเงินง่าย ๆ แค่วันละ 1 บาท และทบไปเรื่อย ๆ จนเมื่อถึงสิ้นปี คุณก็จะมีเงินนับหมื่นบาทเลยทีเดียว
ทั้งนี้ ผู้ออมจะต้องปริ้นท์ปฏิทินเก็บเงินตามตัวอย่างนี้  แล้วเริ่มทยอยเก็บเงินนับตั้งแต่วันแรก เช่น ในวันที่ 1 ของปี ก็เก็บเงิน 1 บาท วันที่ 2 ของปี ก็เก็บเงิน 2 บาท โดยค่อย ๆ ทยอยเพิ่มเงินเก็บไปเรื่อย ๆ ทบจากของเดิมวันละ 1 บาท  แล้วภายใน 365 วัน คุณก็จะมีเงินเก็บทั้งสิ้นกว่า 66,795 บาทเลยทีเดียว

ทว่า แผนนี้ก็ดูจะทำได้ยากเกินไป สำหรับคนที่หาเช้ากินค่ำ เพราะในช่วงแรก ๆ การเก็บเงินวันละ 1-2 บาทดูจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากถึงช่วงสิ้นปี จะต้องเก็บเงินวันละ 300 บาทขึ้นไปทุก ๆ วัน ซึ่งสำหรับบางคนที่มีภาระหน้าที่ความรับผิดชอบแล้ว การเก็บเงินวันละ 300 บาท หรือเดือนละเกือบ 10,000 บาท ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ดังนั้น หากจะลองอีกวิธี ให้คุณเก็บเงินด้วยวิธีการทบวันละ 1 บาทไปเรื่อย ๆ ทว่าเมื่อถึงวันที่ 101 คุณไม่จำเป็นต้องเก็บเงินเพิ่มเป็น 101 บาท หากแต่ย้อนกลับมาเก็บเงิน 1 บาทใหม่อีกครั้ง และเมื่อครบวันที่ 201 ก็ให้กลับมาเก็บเงิน 1 บาทใหม่อีกครั้ง โดยย้อนกลับมาเก็บ 1 บาทใหม่เมื่อครบ 100 วัน ด้วยวิธีการนี้ จะช่วยให้ตอนสิ้นปี คุณมีเงินกว่า 17,000 บาทเลยทีเดียว

ขอขอบคุณ KAPOOK


"ใช้ความถ่อมตน" เป็นเกราะกำบังในการทำธุรกิจ


 John D Rockefeller มหาเศรษฐีระดับโลก 

เป็นที่กล่าวกันว่าความมั่นใจในตัวเองของเขา ที่เชื่อว่าสามารถทำทุกอย่างตามที่ตัวเองต้องการได้นั้นน่าทึ่งมาก

วันหนึ่งน้องของเขาได้โทรศัพท์มาหาและขอให้เขาช่วยอะไรแปลกๆ นั่นก็คือขอให้ช่วยทำให้อากาศในวันพรุ่งนี้แจ่มใส

Rockefeller จึงถามว่าทำไมถึงขอให้เขาช่วย น้องชายตอบว่า "เพราะอะไรที่พี่ต้องการมันก็จะเกิดขึ้นจริง"

เขาคือร็อกกี้เฟลเลอร์ที่ไม่กลัวอะไรก็จริง แต่ถ้าดูตามชีวประวัติแล้ว เขาเป็นคนถ่อมตน

เขาบอกว่าจะรู้สึกกลัวมากเวลาที่กิจการของเขาไปได้ดี ด้วยสัญชาตญาณเขารู้ว่าศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของธุรกิจคือใจที่จองหอง และตอนที่ธุรกิจไปได้เรื่อยๆกลับยิ่งต้องระวัง

ทุกเช้าเขาจะบอกกับตัวเองว่า "ขออย่าให้ใจที่จองหองของผมกินธุรกิจของผมเลย"

สิ่งที่สำคัญคือการมองเห็นคุณค่าของตัวเอง ถ้าเราประเมินตัวเองกับบริษัทอย่างตรงไปตรงมา เราจะไม่ทำอะไรให้เป็นไปตามมาตรฐานของคนอื่น

ร็อกกี้เฟลเลอร์ประสบความสำเร็จ โดยใช้ความถ่อมตนเป็นเกราะกำบัง

15 วิธีฝึกสมาธิสำหรับคนไม่ชอบนั่งสมาธิ 🙂


1. ฝึกอ่านหนังสือ หรือบทความยาวๆ เป็นประจำ

2. ฝึกเขียนบันทึกประจำวัน หรือเขียนอะไรด้วยดินสอ และปากกา

3. ปิดโทรทัศน์ วิทยุ อินเทอร์เน็ต และเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดแล้วอยู่กับตนเองเงียบๆ ทำทุกวันให้เป็นนิสัย

4. ฟังเพลงบรรเลงที่ไม่มีเนื้อร้อง (ทั้งในรถยนต์ และที่บ้าน)

5. วิ่งหรือออกกำลังกายแบบนับลมหายใจไปด้วย

6. ฟังคลิปธรรมะ ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ เป็นประจำ

7. หาอุปกรณ์ที่สร้างจังหวะมาวางข้างๆ แล้วหลับตาฟัง เช่น ฟังเสียงเข็มนาฬิกา เป็นต้น

8. ทำทุกอย่างให้ช้าลง เดินให้ช้าลง เคลื่อนไหวให้ช้าลง แล้วรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของตนเอง

9. จินตนาการถึงการทำงานของโครงกระดูกของตนเอง ในขณะที่เคลื่อนไหว ว่าแต่ละครั้งที่เคลื่อนไหวนั้น โครงกระดูกของเราอยู่ในลักษณะใด

10. รับประทานสิ่งใด กินให้รู้รสของสิ่งนั้น อยู่กับสิ่งที่เรากำลังกิน อย่าพูดคุยขณะที่อาหารเข้าปาก แต่ให้สังเกตการรับรู้ของลิ้นและความรู้สึก

11. ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างเหมาะสม มีเวลาจำกัด อย่าใช้ทุกเวลาตามที่ใจต้องการ

12. หาต้นไม้มาปลูกที่บ้าน รดน้ำ พรวนดิน และสังเกตความเปลี่ยนแปลงของต้นไม้

13. พูดให้น้อยลง สังเกตสิ่งรอบตัวให้มากขึ้น

14. เปลี่ยนจากเดินห้าง ไปเดินสวนสาธารณะ ชมงานศิลปะ หรือชมธรรมชาติในสถานที่เงียบๆ

15. ศึกษา ค้นคว้า จนเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า สมาธิมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของเราอย่างไร เพราะเมื่อเรารู้เข้าใจอย่างแท้จริง เราจะเห็นถึงคุณประโยชน์ เปิดใจรับ และตัดสินใจลงมือทำมันด้วยตนเอง

พศิน อินทรวงค์


วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

สอนลูกให้มั่งคั่ง ตั้งแต่เด็ก


หางานสร้างสรรค์ให้ลูกทำ เพื่อหาเงินไว้ฉลองวันเกิดหรือเล่นสนุกในวันปีใหม่

คุณสามารถปลูกฝังเรื่องการทำมาหากินกับลูกได้ ตั้งแต่เขายังเด็ก การสอนลูกเช่นนี้จะไม่ทำให้เขาเคยตัว ว่าอยากได้อะไรต้องได้


ควรสอนเขาว่า ถ้าอยากได้อะไร เขาก็ต้องทำงานแลกมันมาด้วยตัวเอง อาจจะหากิจกรรมที่เขาชอบแล้วสนับสนุนเขาให้ต่อยอดให้เกิดรายได้ขึ้นสักวัน


ใช้จ่ายให้เป็นตัวอย่าง แล้วลูกๆจะปฏิบัติตามเอง
ในเรื่องนี้อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง แต่ถ้าคุณเปลี่ยนแปลงทัศนคติของตนเองได้แล้ว ลูกๆจะเอาเป็นแบบอย่างได้เอง




เริ่มตั้งเป้าหมายจากเรื่องเล็กๆ



การเริ่มตั้งเป้าหมายชีวิตจากเรื่องเล็กๆเรื่องง่ายๆ ที่สามารถทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

จะช่วยให้เราคุ้นเคยกับการตั้งเป้าหมายในชีวิต

เปรียบเสมือนการที่เราอยากจะเป็นนักยกระดับโอลิมปิก ทุกคนก็ต้องเริ่มจากการยกลูกเหล็กที่มีน้ำหนักเบาก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มน้ำหนักขึ้นไป

เพราะนอกจากจะทำให้เคยชินกับมันแล้ว ยังจะช่วยให้เรารับผลของความล้มเหลวได้ง่ายกว่า

เนื่องจากความล้มเหลวของเป้าหมายเล็กๆ เรายังมีโอกาสแก้ตัวได้ เช่น วันนี้ไม่ได้ออกกำลังกายตามที่ตั้งใจไว้ พรุ่งนี้ก็สามารถแก้ตัวใหม่ได้ทันที เพราะผลของความล้มเหลวจากเป้าหมายเล็กๆ จะไม่ค่อยทำให้เราเสียความรู้สึกมาก

เรื่องน่าสนใจของคนถูกลอตเตอรี่



มีตัวอย่างที่น่าสนใจอยู่ตัวอย่างหนึ่ง เมื่อศึกษาเกี่ยวกับผู้ที่ถูกลอตเตอรี่กว่า 1,000 ราย ตลอดเวลาสิบปี

ปรากฏว่ามีผู้ที่ถูกลอตเตอรี่จำนวนน้อยมาก ที่รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขอย่างแท้จริง หรือมีแนวความคิด

ว่า จะทำอย่างไรกับเงินที่ตนได้มาด้วยโชคลาภ

อีกหกเดือนต่อมา จากผลของการวิจัยปรากฎว่า กลับมีผู้ที่มีความสุขน้อยลง

หลายคนออกจากงานที่เคยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเอง อีกจำนวนหนึ่งมีความรู้สึกว่า ตนไม่สมควรจะ

ได้รับเงินจำนวนนั้น และยังมีอีกจำนวนมากที่หันไปหายาเสพติด ทุกข์ทรมานอยู่กับความรู้สึกว่าตนถูก
ทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว

กฎง่ายๆในการลดน้ำหนัก

จากหนังสือชื่อ Diets Don't Work 

ได้กล่าวถึงกฎ 4 ข้อ เพื่อการลดน้ำหนักอย่างได้ผลไว้ว่า

1. รับประทานเมื่อหิว

2. รับประทานเฉพาะสิ่งที่ร่างกายต้องการ

3. รับประทานอย่างมีสามัญสำนึก

4. หยุดรับประทานเมื่อเพียงพอต่อร่างกาย

....................................

มันเป็นกฎง่ายๆ...สิ่งที่คุณจะต้องทำก็คือ จะต้องมีสามัญสำนึก

 ไม่จำเป็นต้องนับแคลอรี 

ไม่จำเป็นต้องอดอาหาร


การมีสามัญสำนึก คือรู้ว่าตนเองกำลังคิดและรุ้สึกอย่างไรขณะที่กำลังรับประทานอาหาร 

คุณกำลังเรียนรู้ที่จะรับประทานเมื่อร่างกายเกิดความหิว ไม่ใช่เพราะเกิดความเบื่อหน่าย 

คุณจะรับประทานเมื่อร่างกายส่งสัญญานบอกคุณ

 คุณจะยุติการรับประทานลงเมื่อร่างกายบอกว่าเพียงพอแล้ว

การตั้งโปรแกรมจิตใต้สำนึก (ด้านการเงิน)



การตั้งโปรแกรมจิตใต้สำนึก (ด้านการเงิน)

1. การตระหนัก

เขียนทุกข้อความเกี่ยวกับเงิน ความร่ำรวยและคนรวย ที่คุณเคยได้ยินในวัยเด็กลงบนกระดาษ
.................................

2. ความเข้าใจ

เขียนลงไปว่า คุณเชื่อว่าข้อความเหล่านั้นส่งผลต่อชีวิตด้านการเงินของคุณอย่างไรบ้าง
.................................

3. การแยกแยะ

คุณเห็นไหมว่า ความคิดเหล่านั้นเป็นเพียงสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ในอดีต แต่ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวคุณ

คุณเห็นไหมว่า คุณมีทางเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ณ เวลานี้

ประกาศเจตจำนง : วางมือทาบหัวใจแล้วพูดว่า...

"เรื่องที่ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับการเงิน ไม่จำเป็นต้องเป็นจริงเสมอไป ฉันเลือกที่จะรับวิธีคิดใหม่ๆ ที่ช่วยให้ฉันมีความสุขและประสบความสำเร็จ"

วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ข้อคิดดีๆในการทำธุรกิจ


งานขายทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์ 

เราควรให้ความสำคัญกับ "ภารกิจ" มากกว่า "ธุรกิจ" เสมอ


ซึ่งก็หมายความว่า ภารกิจในการ "ให้" สิ่งต่างๆกับผู้คน 

ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ ให้ความสุข หรือให้การบริการ 

ควรเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งในการทำงานก่อนสิ่งอื่นใด


 เพราะสุดท้ายถ้า "ภารกิจแห่งการให้" ของเราเป็นไปได้ด้วยดี

 "ธุรกิจแห่งการขาย" ของเราก็จะเจริญงอกงามได้อย่างไม่ต้องสงสัย


 แต่ถ้า "ภารกิจแห่งการให้" ของเราบรรลัย 

"ธุรกิจแห่งการขาย" ของเราก็จะไม่มีวันสดใสขึ้นมาอย่างแน่นอน



ข้อมูลจาก...สมองทองคำ



วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

จดทุกบาท เงินจะไม่มีทางรั่วไหล


 นับแต่นี้เป็นต้นไป จะต้องจดบันทึกเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับมาและจ่ายออกไป

วิธีการที่คุณจะใช้ในการจดบันทึกรายรับ-จ่ายนั้น ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีใดก็ตาม จะต้องทำอย่างตรงต่อความเป็นจริง ลองฝึกจนมันกลายเป็นนิสัยติดตัวที่จะต้องจดบันทุกความเคลื่อนไหวของเงิน

คนส่วนมากมักนึกไม่ถึงว่า...เงินจำนวนเล็กๆน้อยๆที่จ่ายออกไปในแต่ละวัน เมื่อนำเงินเหล่านั้นมารวมกันเข้า จะกลายเป็นเงินก้อนใหญ่มาก

เนื่องจากเงินเป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กับพลังชีวิตโดยตรง ทำไมคุณจึงจะไม่ให้ความเคารพต่อทรัพย์สินอันล้ำค่าที่คุณมีอยู่ในตัวเอง ซึ่งก็คือพลังชีวิตนั่นเอง

เราทุกคนล้วนมีเวลาอันน้อยนิด (พระไพศาล วิสาโล)


เราทุกคนล้วนมีเวลาอันน้อยนิด

เราไม่สามารถใช้เวลาทั้งหมดที่มี

เพื่อหาวัตถุสิ่งเสพมาสนอง

ความปรารถนาจนเต็มอิ่มได้


แต่เวลาน้อยนิดที่มีอยู่

มากพอที่จะแสวงหาความดีงาม

มาเติมเต็มจิตใจจนอิ่มเอมได้



พระไพศาล วิสาโล

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ก้าวออกจาก Comfort Zone

 

Comfort Zone (พื้นที่สบาย) 

ศัตรูตัวร้ายที่ทำลายความฝันของคุณ


คนส่วนใหญ่มักมีแนวโน้มโดยธรรมชาติ

 ที่จะรู้สึกสบายและพึงพอใจในงานหรือวิถีชีวิต

 และต่อต้านการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ


อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงเป็นกฎแห่งการเจริญเติบโต

 ส่วนการเจริญเติบโตก็เป็นกฎของชีวิต

หากคุณยังไม่ดึงตัวเองออกจากพื้นที่สบาย Comfort Zone

 คุณก็จะไม่มีทางก้าวหน้า

คุณต้องบังคับตัวเองให้ก้าวออกจากพื้นที่สบาย comfort zone เพื่อพบเจอสิ่งใหม่ 



วางแผนชีวิต 5 ปีข้างหน้า

 

จงสร้างจิตนาการห้าปีขึ้นมา 

และลองฝึกการคิด "ย้อนจากอนาคต" 

วางแผนให้ตัวเองไปอีกห้าปีข้างหน้า


 แล้วจินตนาการว่า ในตอนนั้นชีวิตคุณสมบูรณ์แบบทุกอย่าง 

อนาคตคุณจะเป็นอย่างไร คุณจะทำอะไรอยู่ คุณจะมีอะไรให้ตัวเองและครอบครัว

หากชีวิตคุณสมบูรณ์แบบในทุกด้าน


จากจุดดังกล่าวในอนาคต ลองย้อนถึงจุดที่คุณอยู่ในทุกวันนี้ในใจ

 แล้วนึกภาพบันไดที่คุณต้องปีน เพื่อออกจากจุดที่คุณอยู่ในปัจจุบัน

 ไปยังจุดที่คุณต้องการ


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณต้องกำหนดก้าวแรกให้ได้ 

จากนั้นจงกล้าก้าวไปตามทางที่ฝันไว้ด้วยความศรัทธา 

ความมุ่งมั่นและความกล้าเริ่มต้นก้าวในขั้นแรก 

มักเป็นจุดพลิกฝันในชีวิตของคุณ


จงกล้าที่จะลงมือทำ

คุณไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาลหรือโลกใบนี้

 ไม่มีใครเขาจะมานั่งจดจำความล้มเหลวของคุณไปตลอดกาลหรอก 

เพราะคนส่วนมากก็ใช้เวลานึกถึงแต่เรื่องตัวเองเป็นส่วนใหญ่

 เหมือนที่คุณกำลังทำอยู่นั่นแหละ!


เราต่างคนต่างก็อาศัยอยู่ในโลกใบเล็กๆของตัวเอง

 พร้อมกับความเชื่อผิดๆ ว่าคนอื่นกำลังสนใจ นึกถึง 

และตัดสินสิ่งที่เราทำอยู่ตลอดเวลา


ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรจะทำทุกอย่างตามอำเภอใจ 

โดยที่ไม่สนคนอื่นเอาเสียเลย 

แต่มันหมายความว่า เราควรจะเลิก "สำคัญตนผิดๆ" 

จนไม่กล้าลงมือทำในสิ่งที่ "สำคัญสำหรับชีวิตจริงๆ" เสียทีต่างหาก

กฎแห่งความเชื่อ



กฎแห่งความเชื่อ 

ตามกฎนี้....สิ่งที่เราเชื่ออย่างแรงกล้าจะกลายเป็นความจริง

หากเราเชื่่อว่า ตัวเองจะมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม มีความสุข มีสุขภาพที่ดี

 โดยที่ความเชื่อของเรานั้นตั้งมั่นและแน่วแน่มากพอ 

สุดท้ายแล้ว.....สิ่งที่เราเชื่อจะกลายเป็นความจริง

ความเชื่อของเรา ทำหน้าที่เหมือนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทางจิตใจ 

ที่คอยชี้แนะและนำทางให้เราทำในสิ่งที่จะทำให้ความเชื่อของตัวเองเป็นจริงมากขึ้น

 และหลีกเลี่ยงการทำสิ่งที่อาจฉุดรั้งตัวเราเองไว้


วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ข้อคิดในการทำธุรกิจ (ออนไลน์)


ในการทำธุรกิจ (โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์) คำถามที่เราต้องถามตัวเองเสมอไม่ใช่ "ฉันจะขายของให้มากที่สุดได้อย่างไร" แต่ "ฉันจะมอบคุณค่าแก่ผู้คนให้มากที่สุดได้อย่างไร" ต่างหาก

เราอาจต้องไปลงทุนสรรหาความรู้ใหม่ๆ เราอาจต้องพัฒนาคุณภาพของสิ่งที่โพสต์ เราอาจต้องเพิ่มความถี่ของการแบ่งปัน เป็นต้น

ไม่ว่าจะใช้วิธีอย่างไร เราควรขยันที่จะหาวิธี "ให้" มากกว่าขยันที่จะหาวิธี "ขอ" เสมอ

นอกจากนั้น เคล็ดลับสำคัญที่หลายคนไม่ทราบก็คือ เมื่อเรากำลังจะเริ่ม "ขายของ" อย่างจริงจังในโลกออนไลน์ เราควรขายพร้อมให้คุณค่าควบคู่ไปด้วย

มิเช่นนั้นสิ่งที่เราขายจะไม่สามารถเข้าถึงคนหมู่มากได้



เนื้อหาจาก...ขุนเขา สินธุเสน



วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ทำอย่างไร ให้ลูกน้องรัก

 

 สิ่งที่เป็นตัวแบ่งแยกระหว่าง "ผู้นำที่ลูกน้องรักและเคารพ

กับ "ผู้นำที่ลูกน้องไม่ชอบหน้าและเอาไปนินทาลับหลัง

คือศิลปะในการ "ตำหนิ" นั่นเอง


แน่นอนว่าในฐานะผู้นำ หลายครั้งเราจะเห็นความผิดพลาดของลูกน้อง

ได้ชัดเจนมากกว่าตัวเขาเอง แต่อย่างที่รู้กันดีว่า

 ในโลกนี้ไม่มีใครชอบถูกตำหนิ


ดังนั้นเราจึงต้องฝึกวิจารณ์อย่างมีศิลปะ 

ด้วยการวิจัยและวิเคราะห์ หาสาเหตุที่แท้จริงของความผิดพลาดให้เจอเสียก่อน

 แล้วจึงหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับลูกน้องต่อไป 

โดยไม่ทำให้เขารู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า


ในขณะที่การ "ด่า" คือการโจมตีไปที่ "ตัวตน" ของเขา

 ซึ่งมีแต่จะสร้างความเจ็บแค้น โดยไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจ

 และยังไม่จุดประกายให้เขาปรารถนาที่จะพัฒนาตัวเองจากภายใน




พลังแห่งความคิด

ความคิดแม้เป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่ว่ามันทรงพลังมาก!!

ถ้าเราทำในสิ่งที่คนประสบความสำเร็จทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม 

สุดท้ายแล้วเราก็จะได้รับผลลัพธ์ เหมือนเช่นบุคคลเหล่านั้น 


การประยุกต์ใช้หลักการนี้สำคัญมาก และเป็นหนึ่งในหลักการเบื้องต้น

ที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน

  
ดังนั้นเราจึงควรคิดแต่ที่สิ่งสร้างสรรค์

การคิดถึงอะไรก็ตามด้วยอารมณ์ทั้งด้านบวกหรือลบ

 จะเป็นการสร้างสนามพลังงาน ที่จะพาเราไปสู่จุดหมาย

 หรือนำพาจุดหมายเข้ามาหาคุณ

วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

การตั้งเป้าหมายในชีวิต

1. การตั้งเป้าหมายระยะยาว

เริ่มด้วยการกำหนดเป้าหมายระยะยาว เป้าหมายระยะนี้จะกินเวลานานหลายปีกว่าจะทำให้สำเร็จได้ โดยให้คุณกำหนดเป้าหมายนี้เป็นอันดับแรก เนื่องจากเป้าหมายระยะยาวจะมีผลต่อเนื่องกับการเลือกเป้าหมายระยะกลางและสั้นได้

เป้าหมายระยะยาว ควรเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่เฉพาะเจาะจงหรือเกินจริงบ้างก็ได้ อย่างเช่น “อนาคตคุณต้องการเป็น CEO ของบริษัทที่คุณรักให้ได้” หรืออาจเป็นเป้าหมายกว้างๆ อย่างเช่น “คุณอยากมีโอกาสได้ทำงานในรายกายโทรทัศน์” หรือ “อยากทำงานในวงการแฟชั่น” เป็นต้น 

แต่ยังไงก็ตาม คุณก็ควรพยายามระบุให้เฉพาะเจาะจงเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะว่าจะได้วางแผนสิ่งที่ควรทำก่อนจะไปถึงจุดหมายได้ถูกต้องและเหมาะสม 


2. การกำหนดเป้าหมายระยะสั้น

กำหนดเป้าหมายเล็กๆ ที่คุณสามารถทำให้สำเร็จได้ในเวลาสั้นๆ หรือระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ โดยประมาณ ลองถามตัวเองว่าคุณต้องทำอะไรบ้างในสัปดาห์นี้ ที่จะช่วยให้ชีวิตคุณเดินไปตามทางที่คุณวางแผนระยะยาวไว้ได้ 

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณอยากเป็นนักเขียน เป้าหมายระยะสั้นของคุณอาจจะเป็น การฝึกเขียนบทความได้ห้าหน้ากระดาษ หรืออาจเข้าคอร์สอบรมการเขียนรายสัปดาห์ ไม่ก็เริ่มอ่านหนังสือในเรื่องที่กำลังอยากศึกษาอย่างจริงจัง

ซึ่งการทำเป้าหมายเล็กๆ เหล่านี้ให้สำเร็จนี่แหละ ที่เหมือนกับการค่อยๆ ฝึกฝนคุณให้มีวินัยและพร้อมที่จะตั้งเป้าหมายให้ใหญ่กว่าเดิมได้

3. การเลือกเป้าหมายระยะกลาง

หลายคนอาจเข้าใจว่า คนเราขอแค่มีเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาวก็เพียงพอในการจะก้าวเดินสู่ความสำเร็จได้แล้ว แต่ทว่า หากสังเกตุให้ดีช่วงห่างของระยะสั้นและยาวนั้น กลับมีระยะห่างกันมากไปจนเกินพอดี ทำให้บางครั้งเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ เราก็มักหลงลืมเป้าหมายตรงหน้าไปได้ง่ายๆ

ดังนั้น เราจึงต้องมีสิ่งที่เข้ามาช่วยเติมเต็มระหว่างระยะทั้งสองนี้ให้สมบูรณ์ นั่นก็คือ ‘เป้าหมายระยะกลาง

เป้าหมายระยะกลางนั้นอาจใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนไปจนถึงหนึ่งปีในการทำให้สำเร็จ อาจจะเป็นการเข้าเรียนคอร์สระยะยาว การฝึกงานฝึกประสบการณ์ การเรียนต่อ หรือว่าการเปลี่ยนงานของคุณก็ได้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ต้องอาศัยการวางแผน ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณจะต้องทำให้ได้ในระยะเวลาที่กำหนดไว้นั่นเอง 

เมื่อคุณบรรลุเป้าหมายระยะกลางนี้ได้สำเร็จแต่ละครั้ง มันจะช่วยสร้างความก้าวหน้าก้าวใหญ่ๆ ให้กับเส้นทางที่คุณหวังไว้ในระยะยาวได้ ทั้งยังช่วยให้คุณก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัยได้มากกว่าการค่อยๆ บรรลุเป้าหมายระยะสั้นอีกด้วยนะ 

ซึ่งความยากลำบากในระยะนี้แหละ ที่ทำให้ผู้คนต่างสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองสู่สิ่งที่ตั้งไว้ในระยะยาวได้สำเร็จ

ข้อคิดสั้นๆ...ให้ชีวิตมีความสุข



* จำได้ไหมว่า...คุณกอดคนที่คุณรักครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ทำเสียตอนนี้ ก่อนที่คุณจะไม่มีโอกาสได้ทำ

* ถามตัวเองว่า...เรามีความจำเป็นที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ ที่วุ่นวายนี้หรือไม่

* ถามคนใกล้ตัว...คนที่เรารัก ว่าเขาต้องการอะไร อะไรที่ทำให้เขามีความสุข และพยายามทำให้พวกเขา เท่าที่เราทำได้

* ย้ายโทรทัศน์ออกจากห้องนอน

* ตื่นนอนแต่เช้า และใช้เวลานั้นเดินบนสนามหญ้าหรือระเบียง ใช้เวลานั้นฟังเสียงหัวใจวันละนิด

* ปิดโทรศัพท์มือถือ...ใช้เวลากับครอบครัวคุณอย่างมีคุณภาพ

* หัดฝึกตัวเองให้อยู่กับตัวเอง อยู่เงียบๆโดยไม่ต้องเปิดโทรทัศน์หรือฟังเพลง

ข้อคิดดีๆ ก่อนออกไปหางาน

วิเคราะห์ตัวเองให้ถ่องแท้

ก่อนออกไปหางาน คุณควรนั่งลงแล้วลงมือสำรวจตัวเอง พิจารณาตัวเองให้ลึกซึ้ง แล้วตัดสินใจให้ชัดเจนว่า คุณเป็นใครและอยากทำงานที่ไหนในอนาคต

คุณจะออกไปหางานและได้งานตามต้องการ ก็ต่อเมื่อคุณเข้าใจตนเอง เข้าใจความปรารถนาที่แท้จริงของตกเองเสียก่อน

ใช้เวลาสำรวจตนเองและระบุทักษะที่น่าสนใจของคุณ เพราะนั่นหมายถึงสิ่งที่บริษัทเต็มใจที่จะจ่าย


ต่อไปนี้เป็นคำถามที่คุณควรใช้เพื่อถามตนเอง ก่อนที่จะออกไปหางาน

1. คุณมีทักษะพื้นฐานอะไร คุณทำอะไรได้บ้าง คุณเรียนรุ้อะไรจากการศึกษาที่ผ่านมา

2. ในการทำงานต่างๆที่ผ่านมา คุณทำอะไรได้ดีเป็นพิเศษ

3. คุณชอบทำกิจกรรมประเภทใดมากที่สุดในการทำงานและชีวิตส่วนตัว (คุณจะประสบความสำเร็จสูงสุดเสมอ เมื่อได้ทำในสิ่งที่ชอบมากที่สุด)

4. งานด้านใดที่คุณทำได้ง่ายดายและดีที่สุด (สิ่งที่คุณทำได้ดีในอดีต มักเป็นเครื่องชี้วัดสิ่งที่คุณจะทำได้ดีในอนาคต)

การออมเงิน - ออมเงินด้วยวิธีเก็บแบบมีเงื่อนไข

ออมเงินด้วยวิธีเก็บแบบมีเงื่อนไข ถ้า…ต้องออมเงินไว้…บาท



ถ้านับจากวิธีออมเงินทั้งหมดในที่นี้ การออมเงินโดยสร้างเงื่อนไขให้ตัวเองน่าจะเป็นวิธีที่สนุกและอาจจะทำให้ออมเงินได้มากที่สุดก็ว่าได้

โดยจะขอยกตัวอย่างเงื่อนไขง่ายๆ ที่น่านำไปใช้
– ถ้าพูดคำหยาบ 1 คำ ต้องออมเงิน คำละ 10 บาท

เงิน 10 บาทดูเหมือนจะไม่มากแต่ถ้าวันหนึ่งเราเผลอพูดคำหยาบอย่างน้อย 10 คำต่อวัน 1 เดือนก็จะออมเงินได้ถึง 300 บาท เมื่อครบปี ได้ 3,600 บาท และเมื่อครบ 10 ปี จะได้ประมาณ 36,000 บาท
เงื่อนไขการออมเงินแบบนี้นอกจากจะช่วยให้เรามีเงินเก็บแล้วยังช่วยในการพัฒนาคำพูด โดยอาจลองปรับจากคำหยาบเป็นพูดอย่างอื่นที่ทำร้ายจิตใจก็ได้ 

........................................................

– ถ้าน้ำหนักขึ้น 1 ขีด ต้องออมเงิน ขีดละ 20 บาท 

อย่างไรน้ำหนักก็ต้องมีขึ้นมีลง รับประกันว่าคุณจะได้ออมเงินจากเงื่อนไขนี้แน่ๆ วิธีออมเงินนี้เหมาะมากสำหรับหนุ่มสาวที่กำลังควบคุมน้ำหนัก นอกจากจะได้ออมเงินแล้วยังได้ท้าทายตัวเอง 

– ทุกครั้งที่ทำงานพลาด จ่ายค่าปรับ 100 บาท

ออมเงินด้วยเงื่อนไขนี้นอกจากจะช่วยให้มีเงินเก็บแล้วยังช่วยให้รอบคอบมากขึ้น

............................................................

– เก็บเงิน 500 บาททุกวันพระ 

1 เดือนจะต้องมีวันพระอย่างน้อยสัก 4 วัน หากเก็บวันละ 500 บาท เท่ากับ 1 เดือนได้ 2,000 บาท ถ้า 1 ปี 24,000 บาท เมื่อครบ 10 ปีจะออมเงินได้ถึง 240,000 บาท

การออมเงิน - ด้วยวิธีตั้งงบรายวัน

ออมเงินด้วยวิธี ตั้งงบใช้ต่อวันแบบแน่นอน




หลังจากหักค่าใช้จ่ายหลักๆ ที่จำเป็น เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเดินทาง

ลองกำหนดงบให้ตัวเองดูว่าใน 1 วัน จำเป็นต้องใช้เงินเท่าไหร่ แล้วใช้ตามงบต่อวันนั้นๆ 

ส่วนเงินที่เหลือจากการหารวันก็นำหยอดกระปุกหรือใช้ฉุกเฉิน
ตัวอย่าง เงินเดือน 20,000 บาท หักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายทุกเดือน 7,000 บาท

เหลือเงินที่ใช้ได้ 13,000 บาท

ลองคำนวณดูแล้วพบว่าใช้วันละ 300 บาทก็เพียงพอ = 1 เดือนใช้ 9,000 บาท

สรุป เงินเหลือเก็บ 13,000 – 9,000 = 4,000 บาทต่อเดือน

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

การออมเงิน - ด้วยวิธีฝากประจำ

ออมเงินด้วยวิธีฝากประจำ




ออมเงินด้วยวิธีฝากประจำเป็นอีกทางเลือกของคนที่ยังไม่พร้อมลงทุนหุ้น กองทุน ที่มีความเสี่ยงปานกลาง – สูง

 ต้องการที่เก็บเงินที่ปลอดภัยและได้ดอกเบี้ยงาม

แต่จะบอกว่าแค่เห็นดอกเบี้ยสูงแล้วอย่าเพิ่งพุ่งไปธนาคารนั้นๆ ควรเลือกออมเงินในบัญชีเงินฝากประจำที่ปลอดภาษีด้วย ซึ่ง ณ ตอนนี้ อัตราดอกเบี้ยของบัญชีเงินฝากประจำปลอดภาษี จะอยู่ช่วงประมาณ 2.8 % – 3.3 % *ศึกษาเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารนั้นๆ
ลองคิดเล่นๆ โดยประมาณ นาย A ออมเงินด้วยวิธีฝากประจำในบัญชีเงินฝากประจำปลอดภาษีที่มีอัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี เป็นเวลา 24 เดือน เดือนละ 5,000 บาท

คิดคร่าวๆ ดังนี้ (ความจริงแล้วธนาคารคิดดอกเป็นรายวัน)
เดือนแรก: 5000 ได้ดอกเบี้ย (0.03*5,000)/12 = 12.5 บาท

เดือนสอง: ฝากอีก 10000 ได้ดอกเบี้ย (0.03*10,000)/12 = 25 บาท
ทบคิดดอกเบี้ยแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 24 เดือน แล้วเอาทั้งหมดมาบวกกัน จะเป็นเงินยอดรวมทั้งหมดที่ได้จากการออมเงินในบัญชีเงินฝากประจำ

การออมเงิน - เก็บเงินด้วยวิธีเก็บตามปฏิทิน

ออมเงินด้วยวิธีเก็บเงินตามปฎิทิน 1-365




วิธีการคือ ออมเงินทบไปเรื่อยๆ จากของเดิมวันละ 1 บาท จนครบ 365 วันนั่นเอง

แล้วก็ออมเงินตามตัวเลขในปฏิทินได้เลย แม้ว่าวันหลังจะต้องออมเยอะมาก

 แต่เมื่อนับดูดีๆ 1 ปี จะได้ถึง 66,795 บาท 

ถ้า 10 ปีก็จะเท่ากับว่าสามารถออมเงินได้ถึง 667,950 บาท

ในอีกด้านหนึ่งคนที่หาเช้ากินค่ำอาจไม่สามารถออมเงินตามตารางปฏิทินได้เป๊ะๆ โดยเฉพาะช่วงเดือนท้ายๆ ที่จำนวนที่ต้องออมเงินสูงถึงวันละ 300 กว่าบาท

 แนะนำให้ลองประยุกต์โดยการนำจำนวนวันที่ต้องเก็บมาหารให้กลายเป็นหลายวัน ไม่ต้องทบ
(365+1) ÷ 2 = 183 

หมายความว่า ออมเงินวันละ 183 บาทจนถึงสิ้นปี ก็จะได้เงินเท่ากับวิธีการทบ

หรืออีกวิธีหนึ่งที่ดูสนุกขึ้นมาหน่อย ก็คือ เก็บสลับหัวปีท้ายปี ไปเรื่อยๆ เช่น
– วันที่ 1 ออมเงิน 1 บาท

– วันที่ 2 ออมเงิน 365 บาท

– วันที่ 3 ออมเงิน 2 บาท

– วันที่ 4 ออมเงิน 364 บาท

วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

การออมเงิน - ออมเงินด้วยการเก็บแบงค์ 50

 ออมเงินด้วยวิธีเก็บแบงค์ 50

  

ออมเงินด้วยแบงค์ 50 ถือเป็นวิธีการออมเงินที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย 

วิธีการก็คือ ทุกครั้งที่ใช้จ่ายในการซื้อของหรือบริการต่างๆ หากได้ทอนเป็นแบงค์ 50 ก็จะต้องเก็บและห้ามยุ่งกับแบงค์ดังกล่าวเด็ดขาด 

 ซึ่งวิธีออมเงินแบบนี้มีข้อดีคือ เป็นวิธีออมเงินที่ง่าย สามารถทำได้ทันทีเมื่อได้เงินทอน อีกทั้งการออมเงินด้วยแบงค์ 50 ก็ถือว่าไม่มากและไม่น้อยเกินไป แล้วยังทำให้รู้สึกสนุกกับการลุ้นว่าจะได้หรือไม่

จากการคาดคะเนแล้วเราคิดว่าสัปดาห์หนึ่งน่าจะเจอแบงค์ 50 อย่างน้อย 3-5 ใบ 

เมื่อลองมาคำนวณดูเป็นระยะเวลา 10 ปี จะพบว่า

สมมุติ 1 สัปดาห์ เก็บได้ 5 ใบ ใน 1 ปี มี 52 สัปดาห์

ดังนั้นจะเก็บแบงค์ 50 ได้ 52 x 5 = 260 ใบ
ภายในหนึ่งปีจะสามารถเก็บเงินได้ 260X50 = 13,000 บาท

เพราะฉะนั้น 10 ปีจะสามารถเก็บเงินได้ 13,000X10 = 130,000 บาท

วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

การออมเงิน - ด้วยวิธีเก็บเหรียญ

ออมเงินด้วยวิธีเก็บเหรียญ


ตั้งปณิธานไว้เลยว่าระหว่างวัน ไม่ว่าหลังจากที่ซื้อของหรือใช้บริการต่างๆ แล้วได้เงินทอนเป็นเศษเหรียญ จะไม่แตะต้องเหรียญเหล่านั้นเด็ดขาด!

เพราะจะต้องนำเหรียญทั้งหมดที่ได้มาแต่ละวันไปหยอดกระปุกที่บ้านก่อนเข้านอน
ออมเงินด้วยวิธีเก็บเหรียญนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกและน่าจะคุ้นเคยกันมาแต่เด็ก เก็บสะสมทีละเล็กละน้อยไม่ต้องคิดมาก

รับรองว่าเมื่อครบ 10 ปี ลองมานับกระปุกดูน่าจะมีเงินออมเพิ่มจำนวนไม่น้อย หรือทยอยทุบกระปุกไปฝากบัญชีออมทรัพย์ทุกเดือนก็ได

วิธีออมเงินนี้นอกจากจะทำให้มีเงินเพิ่มพูนโดยไม่รู้ตัวแล้ว ยังช่วยทำให้คุณไม่ต้องแบกกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเหรียญหนักๆ ตลอดเวลา

หัดมองความโชคดีในชีวิตกันเถอะ

เศรษฐีคนหนึ่งมองผ่านหน้าต่าง เห็นคนเก็บขยะคุ้ยหาขยะไปขาย เขาอุทานกับตัวเองว่า "ช่างโชคดีจริงๆที่เราเกิดมารวย"
.
คนเก็บขยะมองไปรอบ ๆ เห็นคนแก้ผ้าล่อนจ้อนอยู่บนถนน ... เขาอุทานกับตัวเองว่า "โชคดีแล้วที่เราไม่ได้บ้า"
.
คนบ้ามองเห็นรถพยาบาลแล่นพาคนป่วยไปโรงพยาบาล... เขาอุทานกับตัวเองว่า "เราช่างโชคดีเหลือเกินที่ยังไม่ป่วย"
.
พอคนป่วยถึงโรงพยาบาล เห็นพยาบาลกำลังเข็นศพ ไปเข้าโรงเย็น... เขาอุทานกับตัวเองว่า "เราโชคดีเหลือเกินที่ยังไม่ตาย"
.
คนตายเท่านั้นที่ไม่ต้องใช้โชค
.
ทำไมคุณไม่มองความโชคดีของตัวเอง ที่มีอยู่ตอนนี้ ที่เป็นเหมือนของขวัญ และวันที่สวยงามของชีวิต
.
ชีวิตคืออะไร?
คุณอาจจะเข้าใจดี ถ้าได้อยู่ในสถานที่ทั้งสามแห่งนี้
.
๑. โรงพยาบาล
๒. คุก
๓. สุสาน
.
ที่โรงพยาบาลคุณจะเข้าใจได้ว่า ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่า "สุขภาพดี"
.
ในคุกคุณจะเห็นว่า "อิสระภาพ" เป็นสิ่งล้ำค่าขนาดไหน
.
ที่สุสานคุณจะรู้ว่าชีวิตไม่มีค่าอะไรเลย พื้นดินที่เราเดินวันนี้ อาจจะเป็นหลังคาของเราในวันพรุ่งนี้ก็ได้
.
ความจริงที่น่าเศร้าก็คือ เราทุกคนมาตัวเปล่า และเราจะจากโลกไปตัวเปล่าเช่นกัน
.
ขอให้เราจงอ่อนน้อมถ่อมตน และขอบคุณกับความโชคดีทุกอย่างที่เรามี..ในทุกๆวันกันเถอะ
.
ช่วยแบ่งปันเรื่องนี้ให้กับคนอื่นด้วย และบอกให้พวกเขาทราบว่า ความโชคดีอยู่ที่เราสร้าง

https://youtu.be/iZVeUgfR9Qs

คนที่มีความสุข คือคนที่โชคดีที่สุด
สุขอื่นใด นอกจากใจหยุดนิ่ง..ไม่มี

วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

3 ขั้นตอนง่ายๆ สู่ความสำเร็จ



1. วางแผน

จัดระบบความคิดและสิ่งสำคัญในแต่ละวันอย่างมุ่งมั่น ก่อนเริ่มวันใหม่

...............

2. ลงมือ

ทำให้เกิดความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรม ผ่านแต่ละช่วงเวลาที่ได้จัดสรรไว้แล้ว เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

...............

3. ทบทวน

ทุกๆๆสัปดาห์ ให้ทำการทบทวนสิ่งที่ทำมาทั้งหมดและสิ่งใดที่จะทำต่อไป


วางแผน ลงมือ ทบทวน...ง่ายๆเพียงเท่านี้เอง คุณก็จะประสบความสำเร็จได้ในชีวิต

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ประโยชน์ของการทำ : บัญชีรายรับ-รายจ่าย

แนวทางปฏิบัติเก็บเงินเพื่อให้รวย
  • ขั้นตอนแรกของการออมเงิน คือ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย จะทำให้เราเห็นภาพทั้งหมดของเรื่องการเงิน จะทำให้เรารู้ว่าควรปรับปรุงในจุดไหน ควรเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิต 
  •  
  • คุณจะสามารถเห็นว่าการใช้จ่ายเงินของคุณเงินเข้าออกไปทางไหนบ้าง  
  •  
  • การทำบัญชีไม่มีจน ในระดับเริ่มต้นควรเริ่มทำบัญชีแค่ รายรับ – รายจ่าย 
  •  
  •  
  •  ส่วนเรื่องการลงทุน ผลกำไร ขาดทุน เอาไว้ทีหลัง พอเริ่มมีเงินเก็บสัก 1 แสน แล้วค่อยไปคุยเรื่องการลงทุน
  •  
  • รวบรวมรายได้ จดบันทึกรายได้ทุกทางที่เราได้รับ โดยทำบัญชี หากมีบางเดือนจะมีรายได้พิเศษ เช่นโบนัส, โอที, เงินรางวัลฯ ก็แยกใส่ในเดือนนั้นๆ ไป เราจะเน้นลงตัวเลขตามความจริง ได้จริงเงินถึงมือเราเท่านั้น
     
  • รวบรวมรายจ่าย การบันทึกรายจ่ายเป็นสิ่งที่ยากหน่อย และบางทีอาจซับซ้อนกว่ารายได้ แต่หากมีเวลาให้ใช้เวลาจริงและบันทึกจริง จากทุกรายการจ่ายจริง เพื่อบันทึกลงในสมุด หรืออาจใช้วิธีการเก็บรวบรวมบิลค่าใช้จ่ายทั้งหมด และบวกกับค่ากิน ค่ารถฯ 
  •  
  • โดยปกติก็แบ่งแยกรายจ่ายออกเป็น 3 ประเภท คือ 
  • 1. รายจ่ายประจำ คือ รายจ่ายคงที่ในแต่ละเดือนที่ต้องจ่ายแน่นอน
  •  2. รายจ่ายแปรผัน คือ ร่ายจ่ายที่ไม่แน่นอนในแต่ละเดือน แต่เป็นรายจ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร, ค่าโทรศัพท์ฯ
  •  3. รายจ่ายพิเศษ คือ รายจ่ายพิเศษที่อาจไม่จำเป็นในการมีชีวิต แต่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต เช่น รายจ่ายเพื่อความบันเทิง ดูหนัง ฟังเพลงฯ
  •  
  • มาดูยอดสรุปของแต่ละเดือน หากคุณคิดว่าคุณประหยัดที่สุดแล้วเมื่อคุณทำบัญชีรายรับ รายจ่าย เรียบร้อย คุณจะสามารถสรุปยอดเงินของคุณได้ในแต่ละเดือน แล้วคุณจะสามารถคำนวณได้ว่าคุณพอจะมีเงินเก็บซักเท่าไหร่ในแต่ละเดือน 
  •  
  •  หากยอดบัญชีรายรับ รายจ่ายของคุณติดลบ แสดงว่า ทุกๆ เดือน เงินออมของคุณต้องลดลงไปเรื่อยๆ เหมือนถึงน้ำที่น้ำไหลออกมากกว่าไหลเข้าไม่เต็มซักที

รายได้และกำไรของ : ขนมกูลิโกะ

กูลิโกะอยู่ในไทยเป็นเวลาเกือบ 50 ปี

ขนมกูลิโกะยังอยู่ให้เราเห็นหลายชนิด เช่น

ป๊อกกี้ (Pocky) ทีนนี่ (Teenie) แอลฟี่ (Alfie) โคลลอน (Collon) ทูโทน (Two Tone) เพรทซ์ (Pretz)

แต่จริงๆ แล้ว มีขนมกูลิโกะบางชนิดที่เราไม่ค่อยได้เห็นแล้วก็คือ

เปลอตตี้ (Pelotty) ขนมช็อกโกแลตที่มีลักษณะคล้ายไม้ปิงปองขนาดเล็ก

จิงเกิ้ล (Jingle) ขนมช็อกโกแลตแท่งยาวคล้ายร่มหุบ มีลูกเหล็กอยู่ด้านบนให้เล่นลงหลุม

 

เมื่อดูข้อมูล บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด พบว่ามีรายได้มหาศาลสมกับเป็นผู้ผลิตขนมรายใหญ่

ปี 2015 รายได้ 3,794 ล้านบาท กำไร 365 ล้านบาท

ปี 2016 รายได้ 4,313 ล้านบาท กำไร 409 ล้านบาท

ปี 2017 รายได้ 4,055 ล้านบาท กำไร 215 ล้านบาท



ขอบคุณสำหรับข้อมูลจาก...ลงทุนแมน

ถังเงินออมคนจน VS คนรวย

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจพื้นฐานคำว่า เก็บเงิน ก่อน

ซึ่งตอบง่ายๆ ได้เลยว่า เงินเก็บ = เงินที่หามาได้ – เงินที่ใช้ไป

จะยกตัวอย่างคร่าวๆ ให้พอมองเห็นภาพคือ คุณทำงานในออฟฟิต มีเงินเดือนระดับ 20,000 บาทถ้วน และคนอื่นๆ ก็ได้รับรายได้เท่ากัน แต่ละคนจะรวยไม่เท่ากัน

ดังนั้นการออมเงินจะมีความละเอียดต่างกัน คือจะมีเงินที่รั่วไหล เช่น ดอกเบี้ย, ค่าโง่ต่างๆ, ส่วนรายได้ก็สามารถมีได้หลายทาง ทั้งงานพิเศษต่างๆ ขึ้นกับความขยัน

และที่สำคัญที่สุดคือส่วนของเงินออมที่นำไปลงทุน ซึ่งแต่ละคนจะมีการเก็บเงิน ออมเงินต่างกันตามที่กล่าวมา ถ้าคิดเป็นถังเก็บเงินจากการออมของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป

ถังเงินออมคนจน
  • คนจนจะมีรายรับทางเดียวหรือสองทาง
  • คนจนจะมีเงินรั่วไหลเยอะ บางคนมากกว่ารายจ่ายประจำเสียอีกเพราะมีหนี้สินเยอะ
  • คนจนไม่มีการนำเงินออมไปลงทุน ส่วนใหญ่นิยมฝากธนาคารได้ดอกเบี้ยต่ำ
ผลลัพธ์ รายได้มีทางเดียว ไม่มีการลงทุน รายจ่ายไม่เยอะ แต่มีเงินรั่ว ดังนั้นถึงเงินเก็บแบบนี้เก็บเงินอย่างไรก็รั่วออกไปหมด ไม่มีทางเต็ม
ถังเงินออมคนรวย
  • คนรวยมีรายได้หลายทาง เพราะมักนำเงินที่ได้ไปลงทุนทำธุรกิจด้านอื่นๆ อีก
  • รายจ่ายหลัก คือ การกิน เที่ยว ก็มากขึ้นบ้าง แต่ไม่มากนัก ที่สำคัญคือมีเงินรั่วไหลไปบ้าง แต่น้อย
  • คนรวยมีการนำเงินออมไปลงทุน สร้างรายได้กลับคืนมา ยิ่งออมมาก ยิ่งมีรายได้มาก แทบทวีคูณจึงรวยขึ้นมา
ถังเก็บเงินแบบนี้ มีเงินเข้ามาก เงินรั่วไหลก็น้อย เก็บไปสักพักก็เต็ม